Learning log 7 Friday 21 September 2018 Time 08:30 - 12:30 o'clock

Friday  21  September 2018   

Time 08:30 - 12:30 o'clock

The knowledge gained

                     วันนี้อาจารย์ได้แจกแผ่นเอกสารการทดลองเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และได้มอบหมายงานให้นักศึกษาได้ศึกษาข้อมูลโดยให้หาประเด็นที่อยากรู้ การทดลอง สมมุติฐาน และสรุป โดยดิฉันได้หัวข้อเรื่อง "การทำงานของดวงตา"

                                   

ประเด็นที่อยากรู้ (Curiosity)

• ถ้าใช้แว่นขยายกับตาเปล่าสังเกตวัตถุ ภาพที่เห็นจะแตกต่างกันอย่างไร

ทดลอง (Experiment)

1. นำโหลใสทรงกลมที่เติมน้ำจนเกือบเต็มมาวางไว้กลางโต๊ะ
2. ให้เด็ก 2 คน ยืนหันหน้าเข้าหากัน จากนั้นให้เด็กๆสังเกตใบหน้าของเพื่อน
3. เด็กๆสามารถขยับเข้า-ออกจากโหลแก้วได้ เพื่อให้ภาพใบหน้าของเพื่อนคมชัด

สมมุติฐาน (hypothesis)

• ถ้าเราอยู้ใกล้โหลแก้วใสทรงกลม เมื่อมองดูสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ภาพที่เห็นจะเป็นอย่างไร

สรุป (conclude)

• ถ้าเราอยู่ใกล้โหลแก้วใสทรงกลม เมื่อมองดูสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ภาพที่เห็นจะไม่คมชัด เราต้องขยับออกมาจนมีระยะห่างที่เหมาะสม จึงจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังโหลแก้วชัดเจน

My portfolio

                  จากนั้นอาจารย์ได้แจกแกนกระดาษทิชชู เพื่อให้ทำของเล่นที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ 

และให้หาอุปกรณ์ได้ภายในห้อง ดิฉันได้เลือกทำ "โทรศัพท์"

อุปกรณ์ (Equipment)

1. แกนกระดาษทิชชู 1 อัน (ตัดให้เป็น 2 ชิ้น)
2. เชือก 1 เส้น
3. หนังยาง 2 เส้น (ใช้รัดถุงขยะให้ตึง)
4. ถุงขยะสีดำ 1 ถุง (ขยะรีไซเคิล)
5. ไม้จิ้มฟัน 1 อัน (ใช้เจาะรูตรงกลางเพื่อนำเชือกสอดเข้าไป)

กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (Experience Activities)

1. อธิบายการทำโทรศัพท์แก้ว ตามขั้นตอนได้
2. เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเชือกที่หย่อนและตึง

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

• เสียงจะเดินทางได้ต้องอาศัยตัวกลางซึ่งปกติการที่มนุษย์สื่อสารกันธรรมดาอากาศที่อยู่ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารนั้นจะเปรียบเสมือนเป็นตัวกลาง แต่สำหรับการทดลองเมื่อเราพูดในกระบอกแก้ว จะเปรียบเสมือนเป็นอากาศปิด เพราะฉะนั้นเสียงจึงต้องใช้ตัวกลาง ในที่นี้จะใช้เส้นด้ายที่อยู่ระหว่างเส้นด้ายทั้ง2 จึงทำให้ได้ยิน แต่ถ้าเมื่อเราไปรบกวนตัวกลาง โดยเอามือจับไว้ เป็นผลให้เราไม่ได้ยินเสียง

My portfolio

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (English vocabulary)

1. แว่นขยาย → Magnifying glass

2. การทดลอง → test

3. แกนกระดาษทิชชู → Paper Tissue

4. เชือก → rope

5. ไม้จิ้มฟัน → Toothpick

6. เส้นด้าย → yarn

7. ทรงกลม → Sphere

8. คมชัด → clear

9. รบกวน → disturb

10. โหลแก้ว → Glass Jar

• Our self  : มาตรงตามเวลาเรียน ให้ความร่วมมือกับเพื่อนในกลุ่มและตั้งใจเรียนดีมาก สามารถทำงานที่อาจารย์มอบหมายได้เสร็จสมบูรณ์ตามเวลา
• Friend : เพื่อนๆตั้งใจเรียนดีมาก 
• Teacher : อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาวิทยาศาสตร์ได้อย่างละเอียดและชัดเจน ให้คำแนะนำให้การทำงานที่มอบหมายได้เข้าใจ

Learning log 6 Friday 14 September 2018 Time 08:30 - 12:30 o'clock

Learning log 6

(บันทึกการเรียนครั้งที่6)

Friday  14  September 2018 

Time 08:30 - 12:30 o'clock

• The knowledge gained

              อาจารย์ได้มอบหมายงานโดยให้ไปหาวิจัยที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

จากนั้นอาจารย์ได้พูดคุยเกี่ยวกับวิจัยที่หามาว่าผ่านหรือไม่ วิจัยที่ทุกคนได้หามามีดังนี้

1. การพัฒนารูปแบบการเรียนสอนตามแนวคิดการเรียนรู้จากประสบการณ์และวัฏจักรการสืบสอบหาความรู้เพื่อเสริมสร้างจิตวิทยาศาสตร์ของเด็กอนุบาล ( Development of teaching style based on learning concept from experience andThe cycle of searching for knowledge to strengthen the science of kindergarten children.)
2. การศึกษาผลของรูปแบบการจัดการเรียนรูปแบบเด็กนกวิจัยที่มีต่อทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ( YOUNG CHILDREN’S SCIENCE PROCESS SKILLS ON THE CHILD AS RESEARCHERS LEARNING TECHNIQUE )
3. การคิดวิจารณญาณของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ( PRESCHOOL CHILDREN’S CRITICAL THINKING THOUGH SCIENCE ACTIVITIES )
4. การคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการตัดกิจกรรมทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์                ( Reasoning thinking of preschool children thougn scientific basic skills.)
5. ทักษะการสังเกตและเปรียบเทียบของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยการย้อมสี ( Observasion and comparison skills of young children participated in dying creative art activities)
6. ทักษะพื้นฐานวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ    ( Basic Scientific Skilis Of Young Children Using Experimental Experience In Science)
7. การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยด้วยการจัดกิจกรรมทำเครื่องดื่มสมุนไพร ( The development of basic seience skills for young children using herbal drink activity )
8. ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มีผลพัฒนาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ( The effect of sufficiency economy approach learning activites on young chicdren’s scientific basic skills.)
9. การพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานของเด็กปฐมวัยโดยการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัยและเทคนิคการใช้คำถาม ( Development of basic science process skills of early childhood children by using the children as rescarchers and questioning techniques.)
10. ผลการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์เรื่องแสง ที่มีต่อทักษะการแสวงหาความรู้ของเด็กปฐมวัย      ( Theresults of the activities to enhance the experience of light. On the Skills of Early Childhood Learning.)
11. ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสีธรรมชาติที่มี่ต่อทักษะทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ( The Effect of Natural Color Learning Avtivites on Young Children Scientific Basic Skills )
12. ผลของการจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์โดยใช้วิธีวัฏจักรการสืบสอบหาความรู้ที่มีต่อทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กอนุบาล ( Effects of science experiences by using the inquiry cycle on science process skills of kindergarteners.)
13. รูปแบบการพัฒนาวิชาชีพเพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพครู ด้านการจัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ( THE PROFESSIONAL DEVELOPMENT MODEL FOR ENHANCING INSTRUCTIONAL COMPETENCY OF TEACHERS TO ENCOURAGE SCIENCE PROCESS SKILLS AND SCIENTIFIC MINDS OF EARLY CHILDHOOD )

การเขียนแผนในกิจกรรมวิทยาศาสตร์

1.  ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจซึ่งเกิดขึ้นจากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเอง หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม
2. ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางสำหรับการตรวจสอบตั้งสมมติฐาน
3.  ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบแล้ว จึงนำข้อมูลข้อสนเทศที่ได้วิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่าง ๆ 
4.  ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อื่น ๆ
5. ขั้นประเมิน (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่อง  อื่น ๆ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

• ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง พฤติกรรมที่เกิดจากการปฏิบัติและการฝึกฝนความคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านสติปัญญา การแก้ปัญหาและการค้นคว้าหาความรู้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
• ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยทักษะ  ดังนี้

1. ทักษะการสังเกต ( Observing )
2. ทักษะการวัด ( Measuring )
3. ทักษะการจำแนกหรือทักษะการจัดประเภทสิ่งของ ( Classifying )
4. ทักษะการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา( Using Space/Relationship )
5. ทักษะการคำนวณและการใช้จำนวน ( Using Numbers )
6. ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ( Comunication )
7. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ( Inferring )
8. ทักษะการพยากรณ์ ( Predicting )

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (English vocabulary)

1. วิจารณญาณ → judgment

2. วัฏจักร → cycle

3. เปรียบเทียบ → compare

4. เครื่องดื่มสมุนไพร → Herbal drinks

5. สมรรถภาพ → capacity

6. ความสงสัย → Doubt

7. การค้นคว้า → research

8. สถานการณ์ → situation

9. ประยุกต์ → applied

10. การย้อมสี → Dyeing

Our self  : มาตรงตามเวลาเรียน ให้ความร่วมมือกับเพื่อนในกลุ่มและตั้งใจเรียนดีมาก

Friend : เพื่อนๆตั้งใจเรียนดีมาก

Teacher : อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาวิทยาศาสตร์ได้อย่างละเอียดและชัดเจน